Friday, 18 December 2009

Avatar สุดยอด 3D เทคโนโลยี

เมื่อวานไปดูอวตารในโรงหนัง SF ขอนแก่น (เห็นส่าเป็นที่เดียวในภาคอีสาน) ราคา 220 บาท หลังจากได้ได้ดูหนังมาพักหนึ่ง ด้วยความยุ่งของงานและดูแลลูก

นับว่าคุ้มค่ากับการหนีลูกเที่ยวมาก หนังทำเป็นสามมิติทั้งเรื่อง นับตั้งแต่ขึ้นโลโก้ Twenty Century Fox กันเลย เข้าใจว่าตัว Avatar จะเป็น CG เล่นร่วมกับคนจริงได้อย่างไม่มีที่ติ ฉากดาวแพนโดรา ทำได้อลังการ ต้นไม้ของในดาว เรืองแสง เกือบทั้งหมดขับให้ภาพสวยงามเหนือจินตนาการ สิ่งมีชีวิตดูจะมีหน้าตาคล้่ายสัตว์บนโลก ไม่ว่าจะดป็นแรด เสือ หมาไน แต่ที่ชอบเป็นสาย USB ที่มีในทั้งคนและสัตว์ ใช้เชื่อมต่อกัน จะขี่นกก็ต่อUSB เข้าไป จะขี่ม้าก็ต่อ USB เข้าไป จะสื่อสารกับต้นไม้ที่เชื่อมโยงกับบรรพบุรุษ ก็ต่อ USB เข้าไป ถ้ามีคนไปปล่อยไวรัส สงสัยจะแพร่เร็วเหมือนไวรัสคอมพิวเตอร์

ประเด็นของเรื่องอยู่ที่การรุกรานของมนุษย์ในการไปแย่งชิงเหมืองแร่ที่ดันอยู่ใต้หมู่บ้านของชาวนาวี ทำให้ต้องมีการเจรจา แต่การเจรจำไม่คืบหน้าจึงต้องมีการรบกัน โดยเจคประเอกของเรื่องต้องเข้าไปใช้ชีวิตกับชาวนาวี โดยอาศัยร่างอวตาร ซึ่งสร้างขึ้นจากยีนของคนกับชาวนาวี และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนาวี อันมีความผูกพันกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง สะท้อนถึงการทำลายธรรมชาติของโลกเรา

หนังเรื่องนี้โดดเด่นที่เทคโนโลยี ที่น่าจะดีที่สุดในการทำ 3D และ CG ตื่นตาไปกับภาพที่สวยงามตลอดเรื่องซึ่งเกิดจากการรวบรวมศิลปินมากมายมาออกแบบโลกและสิ่งมีชีวิตใหม่ จึงทำให้มีอรรธรสในการชมอย่างต่อเนื่อง แว่น 3D น่าจะเป็นแบบใหม่ด้วย ภาพที่ได้จึงสมจริงเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนัง แต่พอดูไปสักพักก็รู้สึกปวดตาอยู่เหมือนกัน (หรือเราจะแก่เกินไป) ถ้าปีนึงได้ดูหนังเรื่องเดียว ดูเรื่องนี้ก็ไม่ผิดหวังละครับ (ก็มันปลายปีแล้วนี่)

Saturday, 12 December 2009

Glocalization VS Reverse Innovation

Glocalization โลคอลภิวัฒน์ หมายถึงการที่องค์กรขนาดใหญ่ ทำการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองตลาดไฮเอนต์ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว แล้วกระจายสินค้าเข้าสู่ประเทศต่างๆทั่วโลก โดยปรับปรุงสินค้าเล็กน้อยให้เข้ากับวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่องค์กร MNC (Multi National Company) ใช้มาตลอดช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา

Reverse Innovation นวตกรรมสวนทาง ที่เรียกเช่นนี้เพราะมันสวนทางกับระบบที่ใช้กันมาตลอดสามสิบปีในการพัฒนาสินค้านวตกรรมเข้าสู่่ตลาด โมเดลนี้เป็นการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อประเทศที่มีความมั่งคั่งน้อย.....หรือที่เราเรียกกันว่า ประเทศกำลังพัฒนา.. โดยการพัฒนาสินค้าเข้ากลุ่มนี้ต้องเน้นที่ราคาที่เอื้อมถึง การทำงานที่ตอบสนองความต้องการหลัก ตัดความหรูหราออก เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยผู้คน อันได้แก่ จีน และ อินเดีย

บริษัทจีอี ได้หันมาพัฒนาสินค้าด้วยโมเดล Reverse Innovation โดยส่งสินค้าไฮไลต์ 2 ตัวได้แก่ เครื่องตรวจหัวใจ ราคาพันเหรียญ และ เครื่องอุลตร้าซาวน์มือถือ ราคาหมื่นห้าพันเหรียญ (เครื่องอุลตร้าซาวน์ปกติราคา หนึ่งแสนถึงสามแสนเหรียญ) เพื่อเจาะตลาดจีน และอินเดีย ซึ่งเครื่องนี้ก็ได้ถูกนำมาขายในสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน
การทำ Glocalization มีสมมุติฐาน 2 ประการคือ 1) ตลาดใหม่จะมีพฤติกรรมเหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว 2) สินค้าที่ปัฒนาจากประเทศกำลังพัฒนามักไม่ดีพอที่จะเอามาขายในประเทศพัฒนาแล้ว

จากการเปลี่ยนดุลย์อำนาจของโลก ที่ย้ายจากฝั่งตะวันตก มายังฝั่งตะวันออกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้แนวคิดเรื่อง Glocalization เปลี่ยนไป เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนดุลย์อำนาจ โดยเฉพาะตลาดจีนและอินเดีย ทวีความสำคัญมากขึ้น จนไม่สามารละเลยได้
แนวโน้มต่อไปในการพัฒนาจึงมีแนวโน้มในการพัฒนาเพื่อตอบสนองท้องถิ่นก่อน จึงทำการคัดสรรเพื่อขยายตลาดออกไป โดยตลาดแรกเริ่มจะไม่ใช่ตลาดไฮเอนต์อีกต่อไป เนื่องจากโมเดล Glocalization ทำให้การเติบโตในประเทศที่มีประชากรมากๆ เช่น จีน และอินเดียช้ากว่าที่ควร ทำให้เกิดคู่แข่งจากประเทศเหล่านี้ขึ้นมา เช่น หัวเหว่ย ซึ่งเป็นคู่แข่งใหม่ที่ยากจะต่อกรด้วย เนื่องจากเป็นองค์กรที่มักผลิตของตอบสนองตลาดล่างก่อน ทำให้สินค้าส่วนใหญ่ราคาถูกมาก
บริษัทใหญ่จึงตื่นตัวในการสร้างโมเดลReverse Innovation ขึ้นในองค์กร ซึ่งในการดำเนินการจะต้องมีการสร้าง Local Growth Team (LGT) เพื่อพัฒนาตลาดท้องถิ่น โดยมีกฏหลัก 5 ข้อ
1. ย้ายกำลังไปยังส่วนที่กำลังเติบโต
2. สร้างข้อเสนอใหม่ จากตลาดล่าง
3. สร้าง LGT จากศูนย์ เหมือนการตั้งบริษัทใหม่
4. ตั้งวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ของหน่วยให้เป็นเฉพาะตัว
5. ให้ LGT รายงานตรงสู่คนที่มีอำนาจสูงในองค์กร

หน่วยงาน LGT นี้จะเป็นหน่วยงานที่เป็นเขี้ยวเล็บใหม่ขององค์กร ในการพัฒนาสินค้าและบริการที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ได้ง่าย
ด้วยแนวโน้มนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การพัฒนาสินค้านวตกรรมเพื่อตอบสนองตลาดล่างจึงเป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทาย และหากพิจารณาถึงประเทศไทย ก้อาจมองได้ว่าเรามีวิถีชิวืตที่น่าจะมีศักยภาพในการพัฒนาสินค้านวตกรรมราคาถูก ได้เป็นอย่างดี การนำงานนวตกรรมที่อยู่บนชั้นมาปัดฝุ่น และนำเสนอเข้าสู่ตลาดในช่วงนี้ หากเป็นสินค้าในราคาประหยัดละก็ นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมทีเดียว


จรัส ปทุมนากุล
จาก HBR V.87 Nov.10

เมื่อปัจเจกบุคคล ไม่สำคัญอีกต่อไป

"ถ้าเคยสังเกตุดูมดทำงาน คุณจะประทับใจว่ามด ช่างไร้ความสามารถ มดไม่ได้ฉลาด แต่"ฝูงมด"ซิฉลาด " บทความจากเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ที่กล่าวถึงทฤษฏีฝูงสัตว์ (Swarm theory) ถ้าคุณคุ้นเคยกับแนวคิด ความฉลาดของฝูงชน (Wisdom of the crown) หรือ ปัญญาของฝูงสัตว์ (Swarm Intelligence) คุณก็สามารถเข้าใจได้ถึงว่า ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม กลุ่ม (ไม่ว่าจะเป็นฝูงมด ตลาด หรือ องค์กร ) สามารถที่จะ "ฉลาด" กว่าสมาชิกทั้งหมด. ในระบบซึ่งมีการปรับตัวอย่างซับซ้อน คาดเดายากถึงพฤติกรรมซึ่งสมาชิกจะตอบสนองซึ่งกันและกัน

ผู้บริหารมีกจะทำพลาด 3ประการ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจว่าระบบมันทำงานอย่างไร และให้คนคนหนึ่งบริหาร และวิเคราะห์เฉพาะทีมงานหลักเท่านั้น
ประการแรก ผู้บริหารใช้พฤติกรรมส่วนบุคคล คาดเดาพฤติกรรมของกลุ่ม ตัวอย่างหนึ่งที่เราเห็นได้ในตลาดหุ้น ศึ่งตลาดหุ้นสามารถปรับราคาตามสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งๆที่ผู้เล่นหุ้นแต่ละคนมีข้อมูลค่อนข้างจำกัด การศึกาามดแต่ละตัวไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจอาณาจักรมดได้
ประการที่สอง ผู้บริหารมักจะพลาดในการไม่ตระหนักถึงว่าการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของระบบที่ซับซ้อนนั้นสามารถสร้างผลตามมาที่ไใ่พึงประสงค์ได้ เช่น การที่รัฐบาลสหรัฐยอมปล่อยให้เลห์แมน บราเธอร์ ล้มไป โดยไม่เข้าช่าวยเหลือ ซึ่งขณะนั้นก็เป็นที่ทราบดีถึงฐานะทางการเงินท่ีไม่ค่อยดีของบริษัทเลห์แมน แต่การล้มของเลห์แมนสร้างผลกระทบต่อเนื่องที่หนักหนากว่าที่คาดการณ์กันไว้ และเป็นจุดเริ่มของวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ประการที่สาม คือผู้บริหารมัก "ตีราคา" คนที่โดดเด่น แต่ละเลยว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากระบบมากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือ สโมสรกีฬา ทำให้ในภาวะที่ต้องการการพัฒนาอย่างเร่งด่วน จึงมักจะหาทางจ้างคนเก่งที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วเอาเข้ามาแก้สถานะการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะคนเก่งเหล่านั้นเก่งได้ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งทางฮาร์วาร์ดได้ทำการวิจัยและพบว่า ดาวรุ่งในองค์กรหนึ่ง พอย้่ยองค์กร ศักยภาพจะตกลงอย่างมาก

ความผิดพลาดทั้งสามประการเกิดจากปัญหาหลักอย่างเดียวกันคือการคอดว่าพฤติกรรมของสังคมหมู่จะเป็นเช่นเดียวกับพฤติกรรมของปัจเจคบุคคล ดังนั้นหากตั้งเป้าหมายในการบรรลุเป้าหมายระดับองค์กร แล้ววางแผนโดยการเปลี่ยนแปลงระดับบุุคคลล่ะก็ ขอให้คิดใหม่ เพราะการวางแผนแบบนี้ไม่น่าจะสำเร็จ

From HBR V.87 Nov.10 When individuals Don't Matter by Michael J. Mauboussin

การเปลี่ยนแปลง และพัฒนาองค์กรจึงจำเป็นต้องเน้นที่การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย การคาดหวังในการจ้างคนเก่งเข้ามาพัฒนาองค์กรนั้นมีโอกาสสำเร็จน้อย เนื่องจากความสำเร็จที่ผ่านมาของเขาขึ้นกับสภาวะแวดล้อมหลายประการ ซึ่งอาจถูกมองข้ามไป
การสร้างองค์กรที่เก่งจึงไม่จำเป็นต้องประกอบด้วยคนเก่งเท่านั้น อ่านแล้วสะท้อนใจถึงคนไทยที่มีคนเก่งเยอะ แต่พอประกอบเป็นสังคน องค์กร หน่วยงาน กลับไม่เก่งซะยังงั้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงเรื่องวัฒนธรรมองค์กรซึ่งต้องมีความสามัคคี ในการพัฒนาสู่เป้าหมายขององค์กร โดยมองเป้าองค์กรสำคัญกว่าเป้าแผนก เป้าแผนกสำคัญกว่าเป้าส่วนตัว เลิกการทำงานเพื่อบรรลุเป้าเล็กแต่กระทบเป้าใหญ่(Sub optimization)


Friday, 11 December 2009

ลง Virtual Box ใช้ทำงาน office

เมื่อก่อนใช้ Pararell PC อยู่พอ Upgrade เป็นSnowLeopard ก็ไม่ Compatible ซะงั้น เลยหันไปใช้Bootcamp อยู่พักนึง แต่ก็ใช้งานไม่สะดวกเอาซะเลย ต้องคอย Restart เพื่อเปลี่ยนOS ตลอด มาเจอของฟรี Virtual Box อ่านดูคอมเม้นต์แล้วน่าจะพอไหว เลยลองลงดู เพื่อใช้งานออฟิศโดยเฉพาะ ทีแรกลงแล้วฟอนต์เพี้ยน นึกว่าจะไม่เวิร์คซะแล้ว วันนี้คิดไปคิดมาลองลง Office ไปซ่อมอีกที ใช้ได้เลย ตอนนี้ฟอนต์ไม่เพี้ยนแล้ว เครื่องก็ไม่อืด มีปัญหาเรื่องแชร์ไฟล์นิดนึง ก็ต้องเขียนไฟล์ .BAT มาตามที่อ่านในเนต พอทำแล้วก็แชร์ได้ปกติ

โดยรวมถือว่าเป็นของฟรีที่ใช้แล้วไม่ขัดใจ .... ขอบคุณผู้พัฒนาครับ....

จรัส

Followers

About Me

My photo
Education: M.Eng. Industrial Engineering. U. of Pittsburgh B. Industrial Engineering. Khon Kaen University MD. Union Plus Khon Kaen อาจารย์พิเศษ หลักสูตรการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ปรึกษาบจก.เอ็มดิก โฮลดิ้ง พนักงานขาย T.A.G. advanced energy จำหน่ายเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเตา