Jaras
Sunday, 29 January 2012
ขอนแก่นมาราธิน ครั้งที่ 9
Monday, 4 January 2010
ได้เวลาทดสอบ "บัวหิมะ"
Friday, 18 December 2009
Avatar สุดยอด 3D เทคโนโลยี

Saturday, 12 December 2009
Glocalization VS Reverse Innovation
เมื่อปัจเจกบุคคล ไม่สำคัญอีกต่อไป
Friday, 11 December 2009
ลง Virtual Box ใช้ทำงาน office
Monday, 16 November 2009
บทที่ 5
กรณีศึกษา ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า
เพื่อให้เกิดต้นแบบในการพัฒนาโซ่อุปทานอย่างเป็นรูปธรรม ทางคณะที่ปรึกษาได้ดำเนินการวิเคราะห์การดำเนินงานของบริษัทตัวอย่าง 1 องค์กร ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า โดยใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์โซ่อุปทานในการวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นตอน โดยเริ่มจากการพัฒนาแบบจำลองทางธุรกิจ การวิเคราะห์ความต้องการลูกค้า การวิเคราะห์การไหลของข้อมูลและวัสดุ โดยใช้ Swim lane Diagram ก่อนจะเข้าสู่การวิเคราะห์ด้วย SCOR Model ซึ่งมีการวิเคราะห์ถึงระดับที่ 4 ซึ่งผู้สนใจสามารถใช้เป็นแนวทางในการนำไปวิเคราะห์องค์กรของตนเองต่อไปได้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ความเป็นมาห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 1/8 ม.4 ถ.โพธิ์กลาง ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110 มีจำนวนพนักงานประมาณ 240 คน ใช้เงินลงทุน 7,100,000 บาท โดยเป็นหนึ่งในโรงงาน OEM ที่มีลักษณะการตั้งโรงงานในพื้นที่ซึ่งมีค่าแรงงานต่ำในต่างจังหวัด โดยขอนแก่นเป็นหนึ่งในโรงงานสาขา ซึ่งตัดเย็บเสื้อผ้าเด็กยี่ห้อ CARTER'S โดยสินค้าที่ผลิตจะส่งออกไปยังต่างประเทศ 100% โดยจำนวนพนักงาน 240 คน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า มีโรงงานทั้งสิ้น 4 แห่ง คือ ประชาอุทิศ บางนา เชียงใหม่ และขอนแก่น (บ้านไผ่) โดยมีประชาอุทิศเป็นสำนักงานกลางทำหน้าที่บริหารงานกลางทั้งหมด ทั้งเรื่องการตลาด การจัดซื้อ การเงิน ฯลฯ รวมถึงการผลิตสินค้าในหลายรายการ ส่วนโรงงานสาขาทั้ง 3 แห่งจะทำหน้าที่ผลิตสินค้าตามแผนการจัดส่งเป็นสำคัญ ซึ่งการกระจายการผลิตไปยังโรงงานแต่ละแห่งจะกระจายตามลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งในสาขาขอนแก่นจะผลิตให้แก่แบรนด์ CARTER'S ซึ่งสินค้าที่ผลิต เป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับเด็ก โดยสินค้าที่ผลิตได้นั้นส่งออกทั้งหมด
โครงสร้างการจัดการองค์กร
การวางโครงสร้างองค์กร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า มีองค์กรแนวราบ คือมีขั้นของการบริหารน้อย โดยสาขาขอนแก่นจะมีผู้จัดการโรงงานดูแลแบบเต็มเวลา และรายงานแก่กรรมการผู้จัดการ ซึ่งดูแลภาพรวมขององค์กรและมาดูแลกิจการเป็นครั้งคราว ถัดจากผู้จัดการโรงงาน ซึ่งมีผู้ช่วยผู้จัดการโรงงาน 1 คนแล้ว ก็จะเป็นระดับหัวหน้างานซึ่งดูแลแต่ละส่วนงาน โดยมีแผนผังการจัดการองค์กรดังรูปที่ 1
รูปที่ 1 โครงสร้างการจัดการองค์กรของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
ด้วยการที่องค์กรแนวราบทำให้การปรับเปลี่ยนในองค์กรดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากขาดบุคลากรในระดับบริหารงาน ทำให้การวางแผนการดำเนินการดำเนินการได้อย่างจำกัด อย่างไรก็ตามบุคลากรระดับหัวหน้างานในองค์กรเป็นทีมงานที่มีประสบการณ์ในการทำงานสูง จึงสามารถเข้าใจแนวคิดในการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถนำแนวคิดไปประยุกต์ใช้ในสายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัท และถือได้ว่าเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญต่อการดำเนินโครงการครั้งนี้
แบบจำลองทางธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
เพื่อให้เห็นภาพรวมของกิจกรรมของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า ได้ง่ายขึ้น จึงแสดงแบบจำลองทางธุรกิจของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า ในรูปที่ 2 โดยแสดงถึงปัจจัยนำเข้า การแปรสภาพ (เพิ่มมูลค่า) และ ปัจจัยส่งออก(ผลผลิต) เป็นสำคัญ โดยส่วนของการบริหารเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตลาด จะไม่ถูกนำเข้ามาพิจารณาในการศึกษาครั้งนี้
รูปที่ 2 แบบจำลองทางธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
จากรูปแบบจำลองทางธุรกิจการจัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) โดยจะเริ่มต้นจากในส่วนของฝ่ายบริหารได้มีการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ เช่น กลยุทธ์ทางการเงิน กลยุทธ์ทางการตลาด
กลยุทธ์ทางการปฏิบัติการ ซึ่งกลยุทธ์ทางการปฏิบัติการนี้ทางสาขาขอนแก่นจะรับมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (ประชาอุทิศ) เพื่อนำมาปรับใช้ที่สาขาขอนแก่น โดยทั่วไปห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) จะมีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะในส่วนที่อยู่ในกรอบสีแดง ซึ่งแสดงถึงปัจจัยนำเข้าที่สำคัญได้แก่ พนักงาน โรงงาน อุปกรณ์ตัดเย็บ และวัตถุดิบ
ปัจจัยนำเข้าที่อยู่ในพื้นที่ได้แก่พนักงานและ และโรงงาน(สถานที่) ส่วนที่ต้องมีการนำเข้าจากต่างพื้นที่ได้แก่วัตถุดิบและอุปกรณ์การตัดเย็บ และเมื่อผลิตเสร็จแล้วจะส่งไปยังส่วนกลางเพื่อทำการส่งออกต่อไป
ความต้องการของลูกค้า
ตารางที่ 1 แสดงการระบุความต้องการของลูกค้า
ลำดับที่ | รายการ | ความต้องการของลูกค้า | |
1 | ราคา | มีราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับผู้ผลิตอื่นๆ | |
2 | คุณภาพ | คุณภาพสูง มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด | |
3 | ปริมาณ | ผลิตเป็นล็อต จำนวนมากกว่า 10,000 ตัว/สไตล์ | |
4 | ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ | ความหลากหลายน้อย ผลิตเฉพาะเสื้อผ้าเด็กคราวละ 4 สไตล์ | |
5 | การส่งมอบ | ลูกค้าให้คำสั่งซื้อล่วงหน้าเป็นเวลานาน |
จากความต้องการของลูกค้าที่มุ่งเน้นสินค้าคุณภาพสูงทำให้ปัจจุบันต้องมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด โดยมีการตรวจสอบสินค้า 100% และการพัฒนาทักษะพนักงานเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าคุณภาพสูงจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพัฒนา แต่เนื่องจากการผลิตของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า มีความหลากหลายของสินค้าต่ำ ทั้งยังได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้านาน ผลิตคราวละมากๆ ทำให้การบริหารการผลิตไม่มีความซับซ้อนมากนัก เนื่องจากความหลากหลายและความรวดเร็วในการส่งมอบไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ ทางห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่าจึงต้องมุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิต และคงคุณภาพสินค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อคงความสามารถการแข่งขันขององค์กรให้ได้
การวางโครงสร้างการผลิตจำนวนมาก (Mass Production) จึงยังคงเหมาะสมกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า สาขาขอนแก่นอยู่ การพัฒนาเพื่อลดความสูญเสียทั้งภายในและภายนอกอย่างเข้มข้นจึงเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนานี้ ซึ่งแนวคิดการบริหารโซ่อุปทานจะสามารถระบุโอกาสในการพัฒนาได้อย่างครอบคลุม
กระบวนการผลิต
เพื่อให้เข้าใจการไหลของงานได้อย่างชัดเจน ผู้เขียนใช้ Swim lane diagram เพื่อให้เห็นการไหลของงานโดยใรผู้เกี่ยวข้องหลัก ได้แก่ Supplier (ผู้นำส่งวัตถุดิบ) ลูกค้า ( CARTER'S) และยงสง่า ซึ่งแบ่งออกเป็น กทม. และสาขาขอนแก่น โดยใช้ลูกศรเส้นประแทนการไหลของข้อมูล (Information flow) และเส้นทึบแทนการไหลของวัสดุ (Physical flow)
กระบวนการผลิตของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า แสดงได้ในรูปที่ 2
รูปที่ 2 แผนผังกระบวนการผลิตของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
จากรูปที่ 2 กระบวนการผลิตของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) จะเห็นว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) จะมีหน้าที่เพียงการผลิตเสื้อผ้าเท่านั้น โดยรับวัตถุดิบจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (ประชาอุทิศ กรุงเทพฯ) เพื่อมาตัดเย็บเสื้อผ้าเด็กในแต่ละสไตล์ เมื่อวัตถุดิบถูกส่งมาแล้ว วัตถุดิบประเภทส่วนประกอบ (Accessory ) จะถูกนำมาเก็บไว้ที่แผนกสโตร์เพื่อทำการตรวจสอบและรอการเบิกจ่ายจากแผนกเย็บ ส่วนวัตถุดิบประเภทผ้าจะถูกส่งไปที่แผนกตัดเพื่อทำการตัดและรอการเบิกจ่ายจากแผนกเย็บ เมื่อเย็บเสร็จแล้วจะต้องมีทำสำเร็จ (Finishing) หน้าหมวดเย็บและทำการตรวจคุณภาพ (QC )100% ก่อนที่จะทำการบรรจุเป็นแพ็คและส่งกลับห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (ประชาอุทิศ) เพื่อทำการตรวจสอบและติดกระดุม ก่อนที่จะบรรจุและส่งให้ลูกค้าที่ต่างประเทศต่อไป
ซึ่งจากผังดังกล่าวเราจะเห็นความล่าช้าในการดำเนินการทั้งในเรื่องการไหลของข้อมูล ซึ่งต้องมีการยืนยันข้อมูลจากทาง กทม. เพื่อส่งให้ทาง ขอนแก่น และทางขอนแก่นพิจารณาผังการผลิตเพื่อยืนยันคำสั่งซื้อ ซึ่งกระบวนการนี้สามารถพัฒนาได้ด้วยการพัฒนาระบบข้อมูลร่วมขององค์กรเพื่อให้ข้อมูลมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้การไหลของวัสดุ จะต้องมีการส่งเข้าที่ กทม. ก่อน จึงทำการส่งมาที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนในการขนส่ง เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสในการพัฒนาขององค์กรทั้งสิ้น
ทั้งนี้เพื่อให้การวิเคราะห์การพัฒนาโซ่อุปทานขององค์กรมีความสมบูรณ์ จึงใช้ SCOR Model (Supply Chain Operation Reference Model) ในการวิเคราะห์ข้อมูลขององค์กร ซึ่งได้มีการวิเคราะห์ลงถึงระดับที่ 4 เพื่อให้เห็นแนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างชัดเจน
SCOR (Supply Chain Operation Reference Model)
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
ระบบโซ่อุปทานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) เริ่มต้นที่โรงงานผู้ผลิตวัตถุดิบส่งวัตถุดิบมาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (ประชาอุทิศ) เมื่อทำการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงจะส่งวัตถุดิบมาที่ หจก. ยงสง่า(บ้านไผ่) ให้ดำเนินการผลิต และหลังจากนั้นสินค้าจึงจะถูกส่งไปที่ลูกค้า ดังแสดงในรูปที่ 3 โดยสามารถแสดงแผนภาพการไหลของข้อมูลและวัตถุดิบในโซ่อุปทานได้ดังรูปที่ 4
ซึ่งแผนภาพแสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงข้อมูลของสาขาบ้านไผ่ที่มีข้อมูลอย่างจำกัด เน้นการส่งมอบสินค้าแก่ กทม. เท่านั้น โดยทาง กทม. จะดำเนินการจัดหาวัตถุดิบทั้งหมดให้ทางขอนแก่นเพื่อดำเนินการผลิต อย่างไรก็ตามจากการที่มีลูกค้าหลักเพียงรายเดียว ทำให้ทางโรงงานมีความเข้าใจต่อความต้องการโดยเฉพาะคุณภาพสินค้าที่ลูกค้าต้องการ และตอบสนองด้วยคุณภาพสินค้าที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
รูปที่ 3 ระบบโซ่อุปทานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
รูปที่ 4 แผนภาพการไหลของข้อมูลและวัตถุดิบในโซ่อุปทาน
SCOR Model Level 1
หลังจากที่ได้ทำการศึกษาและรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆเรียบร้อยแล้ว จึงได้ทำการสร้างแบบจำลองกระบวนการผลิตโดยอ้างอิงด้วยแบบจำลองกระบวนการโซ่อุปทาน (SCOR Model)
ดังแสดงในรูปที่ 5
รูปที่ 5 แบบจำลองกระบวนการโซ่อุปทานระดับ 1 (SCOR Model Level 1)
จากรูปที่ 5 แบบจำลองกระบวนการโซ่อุปทาน (SCOR Model) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) จะเห็นว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) มีรูปแบบกระบวนการในการวางแผน การจัดหาแรงงาน การผลิต การจัดส่ง และการส่งคืนวัตถุดิบที่มีปัญหากลับไปห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า กรุงเทพฯ (ประชาอุทิศ) ซึ่งสามารถนำมาแบ่งแยกกิจกรรมที่มีการดำเนินการให้อยู่ในรูปแบบจำลองอ้างอิงกระบวนการ (SCOR Model) ทั้ง 5 กลุ่ม กิจกรรม ได้แก่ P (Plan) การวางแผน , S (Source) การจัดหา, M(Make) การผลิต, D (Delivery) การขนส่ง, และ R (return) การส่งคืน ซึ่งสามารถแจงรายละเอียดของแต่ละกิจกรรมในส่วนของขอนแก่น และ กทม. ดังนี้
ขอนแก่น | กทม. |
| |
กิจกรรมด้านการวางแผน
| กิจกรรมด้านการวางแผน
|
| |
กิจกรรมด้านการจัดหา
รวบรวมความต้องการใช้วัตถุดิบร่วม | กิจกรรมด้านการจัดหา
|
ขอนแก่น | กทม. |
| |
กิจกรรมด้านการผลิต
| กิจกรรมด้านการผลิต
|
| |
กิจกรรมด้านการขนส่ง
| กิจกรรมด้านการขนส่ง
|
| |
กิจกรรมการขนส่งและรับคืนสินค้า
| กิจกรรมการขนส่งและรับคืนสินค้า
|
เกณฑ์การวัดสมรรถนะใน SCOR ระดับ 1
เนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) ได้ดำเนินการผลิตเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นในการวัดสมรรถนะในองค์กรจะวัดจาก ความน่าเชื่อถือหรือความเชื่อมั่นในโซ่อุปทาน (Supply Chain Reliability) และต้นทุน (Cost) เท่านั้น ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังตารางที่ 2 โดยมุ่งเน้นเรื่องต้นทุนเป็นสำคัญ โดยในปัจจุบันทางบริษัทยงสง่า ขอนแก่นมีอัตราการส่งมอบ หรือสมรรถนะการจัดส่ง 100% คือสามารถส่งสินค้าได้ตามกำหนด และต้องการที่จะคงความสามารถนี้ไว้ แต่ประเด็นปัญหาคือการทำงานล่วงเวลาจำนวนมากเพื่อให้การส่งมอบทันเวลา ทำให้เกิดต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ประเด็นในการพัฒนาที่สำคัญจึงอยู่ในเรื่องต้นทุนที่ต้องมีการควบคุมซึ่งปัจจุบันทางบริษัทยังไม่ได้มีการทำข้อมูลไว้ ซึ่งตัวชี้วัดที่จะใช้เพื่อวัดผลการพัฒนาด้านต้นทุนได้แก่
- ผลิตภาพเพิ่มคุณค่า ซึ่งหมายถึงการคำนวณมูลค่าการแปรรูปที่เกิดขึ้นในโรงงานเทียบกับต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น
- มูลค่าการแปรรูป ในที่นี้ได้แก่ เวลามาตรฐานในการผลิตสินค้า x ค่าแรงมาตรฐาน x จำนวนสินค้า
- ต้นทุนการผลิต ในที่นี้จะคิดเฉพาะค่าแรงทางตรง ซึ่งได้แก่ ค่าแรงรายวัน รวมค่าล่วงเวลา และ ค่าตอบแทนพิเศษ อื่นๆ (Incentive)
- กำลังการผลิตต่อคนต่อชั่วโมง โดยคำนวณจากจำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้ทั้งหมด หารด้วย จำนวนคนงานและจำนวนชั่วโมงที่มีการทำงาน ซึ่งในหน่วยของชิ้นงานที่ผลิตดีนี้ควรมีการแปลงหน่วยให้เป็นมาตรฐานกับสินค้าที่ทางบริษัทผลิตมากที่สุด เช่น โรงงานผลิตสินค้า A มากที่สุดซึ่งใช้เวลาผลิต 1 ชั่วโมง เราจะใช้จำนวนชิ้นสินค้า A เป็นมาตรฐาน หากบริษัทผลิตสินค้า B ซึ่งใช้เวลาในการผลิต 2 ชั่วโมง หากผลิตสินค้า B 2,000 ตัว จะเทียบเท่าการผลิตสินค้า A จำนวน 4,000 ตัว เนื่องจากสินค้า B ใช้เวลาในการผลิตมากกว่าสินค้า A 2 เท่านั้นเอง เราเรียกหน่วยนี้ว่า จำนวนชิ้น(มาตรฐาน)
ในกรณีของยงสง่านี้เนื่องจากทางขอนแก่นทำหน้าที่ผลิตสินค้า ที่มีลักษณะการผลิตแบบจำนวนมาก มีการเปลี่ยนแปลงสินค้าน้อย จึงทำให้ทางบริษัทไม่มีการวัดประสิทธิภาพของโซ่อุปทานในเรื่อง ความยืดหยุ่น(Flexibility) และ การตอบสนองลุกค้า (Responsiveness) อีกทั้งการบริหารสินทรัพย์ (Asset) ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยทาง กทม. เป็นหลัก จึงไม่ได้มีการวัดประสิทธิภาพด้านนี้ด้วยเช่นกัน
ตารางที่ 2 การวัดสมรรถนะใน SCOR ระดับ 1
Overview Metric
SCOR Level 1 Metric
SCOR Evaluation
Calculation
Supply Chain Reliability
สมรรถนะการจัดส่ง
100%
จำนวนการส่งสินค้าตรงเวลา
จำนวนการส่งสินค้าทั้งหมดSupply Chain
Costผลิตภาพเพิ่มคุณค่า
60%
มูลค่าการแปรรูป
ต้นทุนการผลิตกำลังการผลิต (จำนวนชิ้นมาตรฐานต่อคนต่อชั่วโมง)
1
จำนวนชิ้นงาน(มาตรฐาน)ที่ผลิตได้
จำนวนคนงาน x จำนวนชั่วโมงทำงานResponsiveness
Flexibility
Asset
การไหลของโลจิสติกส์ (Logistics Flow)
รูปที่ 6 แผนภาพ Logistic Flow
จากรูปที่ 6 จะเห็นว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) มีหน้าที่เป็นเพียงฝ่ายผลิตเท่านั้น การจัเตรียมวัตถุดิบและการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าเป้นหน้าที่ของสาขากรุงเทพทั้งหมด โดยการไหลของวัสดุและข้อมูลจะไหลผ่านทาง กทม. เท่านั้น โดยงานเพิ่มมูลค่าในส่วนของขอนแก่นจะประกอบด้วยการ ตัด และ เย็บ เท่านั้น การไหลของข้อมูลและวัสดุเช่นนี้ ทำให้ประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสาขาบ้านไผ่จะเป็นไปอย่างไม่มีประสืทธิภาพ อย่างไรก็ตามด้วยโครงสร้างทางธุรกิจที่ไม่ต้องการการตอบสนอง (Responsiveness) มากนัก ประเด็นในการไหลของข้อมูลจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อย่างไรก็ตามการไหลของวัสดุที่ต้องผ่านทาง กทม. ก่อนก็เป็นการเพิ่มต้นทุน ซึ่งหากสามารถลดการไหลของวัสดุลงได้จะเป็นการลดต้นทุนของโซ่อุปทานลงได้อย่างมาก โดยคณะผู้เชี่ยวชาญได้เสนอแนะให้มรการส่งสินค้าจากผู้นำส่งตรงมาที่โรงงานที่ขอนแก่น โดยไม่ต้องผ่านการเก็บเข้าคลังสินค้าที่กรุงเทพฯ อีกต่อไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายการขนส่ง และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการจัดเก็บวัตถุดิบอีกด้วย
SCOR Model Level 2
จากการที่ได้ทำการวิเคราะห์กระบวนการต่างๆ ใน SCOR Model Level 1 ซึ่งเป็นการมองกระบวนการในระดับใหญ่ ดังนั้น จึงต้องทำการวิเคราะห์ใน Level 2 ต่อด้วยการวิเคราะห์กระบวนการย่อยต่างๆ ซึ่งจะประกอบด้วยการวิเคราะห์ด้วยแผนภาพภูมิประเทศ (Geographic Map) และการเขียนผังกิจกรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ (Total Supply Chain) ด้วยสัญลักษณ์ของ SCOR Model ซึ่งมีสัญลักษณ์ดังนี้
SCOR Process กระบวนการของ SCOR
Plan
Source
Make
Delivery
Return
Process Type
Planning
P1
P2
P3
P4
P5
Process Category
Execution
S1
S2
S3
M1
M2
M3
D1
D2
D3
D4
SR1
DR1
SR3
DR3
Enable
EP
ES
EM
ED
ER
- P1 Plan supply Chain การวางแผนโซ่อุปทาน
- P2 Plan Source การวางแผนการจัดหา
- P3 Plan Make การวางแผนการผลิต
- P4 Plan delivery การวางแผนการจัดส่ง
- P5 Plan return การวางแผนส่งคืน
- S1 Source Stocked Product การจัดหาสินค้าสำเร็จรูป
- S2 Source Make to Order Product การจัดหาสินค้าสั่งผลิต
- S3 Source Engineer to Order Product การจัดการสินค้าออกแบบตามคำสั่งซื้อ
- M1 Make to Stock การผลิตเพื่อเก็บ
- M2 Make to Order การผลิตตามคำสั่งซื้อ
- M3 Engineer to Order การออกแบบผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ
- D1 Delivery Stocked Product การจัดส่งสินค้าคงคลัง
- D2 Delivery to Order Product การจัดส่งสินค้าตามคำส่งซื้อ
- D3 Delivery Engineered to Order Product การจัดส่งสินค้าออกแบบตามคำสั่งซื้อ
- D4 Delivery Retail Product การจัดส่งสินค้าจำหน่ายปลีก
- D/SR1 Delivery/Source Return Defected Product การส่งคืนสินค้ามีตำหนิ
- D/SR2 Delivery/Source Return MRO Product การส่งคืนเพื่อซ่อม
- D/SR3 Delivery/Source Return Excess Product การส่งคืนสินค้าที่เกินจำนวน
ในส่วนผังกิจกรรมของยงสง่าขอนแก่นนั้น จะเห็นว่าเป็นการดำเนินการผลิตตามสั่ง (Make to Order: M2) และ การจัดส่งเมื่อมีคำสั่งซื้อ (Delivery to Order :D2) โดยเป็นการส่งงานเข้าทาง กทม. จึงมีการวางแผนเพื่อการผลิตเป็นสำคัญ และส่งข้อมูลประสานงานกับทาง กทม. เพื่อวางแผนโซ่อุปทาน โดยเป็นผู้สนับสนุนข้อมูล
รูปที่ 8 SCOR Model Level 2
ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
ช่องทางการไหลของสินค้าในปัจจุบัน (AS-IS Geographic Map)
Geographic Map จะแสดงให้เห็นถึงช่องทางในการขนส่งวัตถุดิบจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า สาขากรุงเทพฯ ไปสู่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า สาขาขอนแก่น บางนา และเชียงใหม่ ซึ่งในการสร้าง Geographic Map ได้กำหนดตำแหน่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
ตารางที่ 3 แสดงตำแหน่งต่างๆของ Geographic Map
ตำแหน่ง | ชื่อ | ประเภท |
A | ห.จ.ก. ยงสง่า | โรงงานแม่สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า |
B | Supplier | วัตถุดิบไม้แขวน , ยางยืด |
C | Supplier | วัตถุดิบเทปใสปิดปล่อง , เทปกาว |
D | Supplier | วัตถุดิบยางยืด |
E | Supplier | วัตถุดิบด้าย |
F | Supplier | วัตถุดิบซิป |
G | Supplier | วัตถุดิบถุงพลาสติก ,ม้วนพลาสติก |
H | Supplier | วัตถุดิบผ้า |
I | Supplier | วัตถุดิบด้าย ตราไพ่ป๊อก ตราภูเขา ตราสายรุ้ง |
J | Supplier | วัตถุดิบผ้า |
K | Supplier | วัตถุดิบผ้า |
L | Supplier | วัตถุดิบผ้า |
M | หจก. ยงสง่า สาขาบ้านไผ่ | โรงงานสาขาสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า |
N | Supplier | บริษัทขนส่งสินค้า |
O | Customer | ลูกค้า |
P | Customer | ลูกค้า |
Q | หจก. ยงสง่า สาขาบางนา | โรงงานสาขาสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า |
R | หจก. ยงสง่า สาขาเชียงใหม่ | โรงงานสาขาสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า |
เนื่องจาก AS-IS Geographic Map พื้นที่ตั้งแต่ละตำแหน่งอยู่ไกลกันมากจึงเขียนแยกออกเป็น 3 รูป รูปที่ 9 อธิบายการจัดส่งวัตถุดิบของโรงงานที่อยู่ใกล้สาขากรุงเทพฯ รูปที่ 10 อธิบายการจัดส่งวัตถุดิบของโรงงานที่อยู่ไกลสาขากรุงเทพฯและการกระจายวัตถุดิบไปสาขาย่อยต่างๆ และรูปที่ 11 อธิบายการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ
รูปที่ 9 AS-IS Geographic Map การจัดส่งวัตถุดิบของโรงงานที่อยู่ใกล้สาขากรุงเทพฯ
รูปที่ 10 AS-IS Geographic Map การจัดส่งวัตถุดิบของโรงงานที่อยู่ไกลสาขากรุงเทพฯ
และการกระจายวัตถุดิบไปสาขาย่อยต่างๆ
รูปที่ 11 AS-IS Geographic Map การจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ
จากรูปที่ 9-11 สามารถอธิบาย AS-IS Geographic Map ได้ว่า วัตถุดิบทั้งหมดดังที่แสดงในตารางที่ 3 จะถูกส่งมาที่สาขากรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อผ่านการตรวจสอบวัตถุดิบแล้ว สาขากรุงเทพฯจะทำการคำนวณปริมาณการใช้วัตถุดิบในแต่ละคำสั่งซื้อ (Order) ให้กับโรงงานสาขาต่างๆ เมื่อคำนวณเสร็จสิ้นแล้วจึงจะส่งวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการตัดเย็บมาให้กับสขาต่างๆ เหลือเพียงวัตถุดิบกระดุมที่แต่ละสาขาทั้งไม่มีเครื่องวัดแรงดึงจึงไม่สามารถติดกระดุมเข้ากับตัวเสื้อผ้าได้
เมื่อวัตถุดิบถูกส่งมาที่สาขาต่างๆแล้ว แต่ละสาขาต้องทำการตรวจสอบวัตถุดิบทั้งคุณภาพและปริมาณกันอีกครั้ง ซึ่งในส่วนนี้อาจจะมีการขาดหรือเกินของวัตถุดิบได้โดยเฉพาะผ้า เนื่องจากทางสาขากรุงเทพจะทำการคำนวณปริมาณผ้าโดยใช้น้ำหนักคำนวณไปหาขนาดของผ้า ซึ่งเกิดความผิดพลาดบ่อยครั้งต้องส่งผ้ากลับไปกลับมา และเมื่อโรงงานสาขาตัดเย็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วต้องส่งงานที่ตัดเย็บเสร็จแล้วกลับมามาติดกระดุมที่สาขากรุงเทพทั้งหมด เนื่องจากแต่ละสาขาทั้งไม่มีเครื่องวัดแรงดึงจึงไม่สามารถติดกระดุมเข้ากับตัวเสื้อผ้าได้
เมื่อโรงงานสาขากรุงเทพติดตั้งกระดุมและตรวจสอบสินค้าแล้ว ก็จะส่งสินค้ามาที่บริษัทขนส่งโดยบริษัท สินธนโชติ จำกัด เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าผ่านทางเรือขนส่ง
โดยจากการวิเคราะห์กระบวนการขนส่งในระบบโซ่อุปทานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า ด้วย AS-IS Geographic Map จะเห็นว่า การขนส่งมีการขนส่งไปกลับระหว่างโรงงานสาขากรุงเทพกับโรงงานสาขาย่อยต่างๆ หลายรอบ โดยเฉพาะเวลาวัตถุดิบมีปัญหา ซึ่งจะทำให้เกิดต้นทุนการขนส่งสูง จึงควรทำการปรับลดระยะทางการขนส่งลงเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้ ซึ่งการพัฒนาให้สามารถส่งของมายังขอนแก่นและส่งออกจากขอนแก่นโดยตรงนั้น จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกระบวนการภายในอีกพอสมควรจึงเป็นแผนระยะยาวในการพัฒนา ที่ได้นำเสนอ
AS-IS Level 2 Mapping the executive Process Link
สามารถแสดง AS-IS Level 2 Mapping the executive Process Link ได้ดังรูปที่ 12
รูปที่ 12 AS-IS Level 2 Mapping the executive Process Link
จากรูปที่ 12 แสดงให้เห็นถึง การเคลื่อนที่ของวัตถุดิบจนกระทั่งเป็นสินค้าสำเร็จรูป โดยแสดงเป็นรูปแบบ กระบวนการโซ่อุปทานที่อ้างอิงแบบจำลองอ้างอิงกระบวนการ (SCOR Model) ในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่โรงงานผู้ผลิตวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็น ผ้า ซิป กระดุม ฯลฯ ดังแสดงในตารางที่ 3 ได้จัดส่งวัตถุดิบมาให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า สาขากรุงเทพฯ ก่อนที่จะทำการคำนวณปริมาณการใช้วัตถุดิบประเภทต่างๆ แล้วจึงจัดส่งมาตัดเย็บที่สาขาขอนแก่น เมื่อโรงงานสาขาตัดเย็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วต้องส่งงานที่ตัดเย็บเสร็จแล้วกลับมามาติดกระดุมที่สาขากรุงเทพ และเมื่อโรงงานสาขากรุงเทพติดตั้งกระดุมและตรวจสอบสินค้าแล้ว ก็จะส่งสินค้าไปยังลูกค้า ด้วยความที่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อ และวัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อเช่นกัน ทำให้ระยะเวลาในการเตรียมวัตถุดิบและทรัพยากรอื่นๆ ใช้ระยะเวลานาน ในขณะที่การส่งให้ลูกค้าต่างประเทศ จะเป็นการเก็บเข้าคลังสินค้าเพื่อรอการจำหน่ายปลีกต่อไป ซึ่งผู้บริโภคปลายทางทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้าในสต็อกสินค้า ซึ่งการเป็นโซ่อุปทานแบบผลิตตามคำสั่งซื้อ จะมีลักษณะคือ ระยะเวลาในการสั่งจนได้รับสินค้าจะใช้เวลานาน ตัววัตถุดิบที่ใช้มักจะมีมาตรฐานในระดับหนึ่ง (Configurable Material) แต่รายการสินค้าแต่ละตัวจะมีการสั่งซ้ำหากมีการจำหน่ายออกได้เร็ว จึงต้องการความสามารถในการผลิตคำสั่งซื้อซ้ำได้อย่างรวดเร็ว การบริหารการสั่งซื้อวัตถุดิบมักจะมีการเผื่อจำนวนมาก เนื่องจากหากมีวัตถุดิบไม่พอจะกระทบต่อกระบวนการอย่างมาก การจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศกำหนดวันในการส่งของเป็นเส้นตายที่สำคัญการเลื่อนวันส่งของเป็นต้นทุนที่สำคัญเนื่องจากอาจต้องเปลี่ยนเป็นการขนส่งที่ต้นทุนสูงขึ้น
ด้วยลักษณะดังกล่าวของการผลิตตามคำสั่งซื้อ การปรับโมเดลธุรกิจ จึงต้องมีการวางแผนเพื่อให้สามารถควบคุมงานให้ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาระบบการวางแผนการจัดหา (Plan Source) การวางแผนการผลิต (Plan Make) และ การวางแผนการจัดส่ง (Plan Delivery) จึงต้องถูกพนวกเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ
รูปที่ 13 AS-IS Level 2 Placing the Planning Process Element
จากรูปที่ 13 เป็นการมองการจัดการด้านการวางแผนในปัจจุบันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขากรุงเทพฯ) ซึ่งจะเห็นว่ามีอยู่ 3 ด้าน คือ การวางแผนด้านการจัดหา (P2) การวางแผนด้านการผลิต (P3) การวางแผนด้านการส่งคืนสินค้า (P4) และในปัจจุบันสาขาขอนแก่นยังไม่มีการจัดการด้านการวางแผนอย่างเป็นระบบ
การวัดประสิทธิภาพของการวางแผนสามารถวัดได้โดยตัวชี้วัดดังนี้
P2 การจัดส่งสินค้าให้โรงงานสาขาตรงเวลา (%)
P2 ต้นทุนสินค้าคงคลัง (วัน)
P2 จำนวนวัตถุดิบของโซ่อุปทาน (วัน)
P3 การผลิตได้ตามแผนงาน (%)
P3 รอบเวลาในการผลิต (วัน)
P3 จำนวน WIP ของโซ่อุปทาน (วัน)
P4 ใบสั่งซื้อที่สมบูรณ์ (%)
P4 รอบเวลาในการจัดการคำสั่ง (ชั่วโมง)
P4 การจัดเก็บสินค้าคงเหลือ (%)
P4 จำนวนสินค้าที่ยังไม่รับชำระเงิน (วัน)
รูปที่ 14 AS-IS Level 2 Identifying (Supply Chain Planning)
จากรูปที่ 14 แสดงถึงมุมมองของการจัดการโซ่อุปทาน (P1) ในแต่ละองค์กร โดยในแต่ละองค์กรก็จะมีการวางแผนทางการจัดการโซ่อุปทาน ซึ่งจะต้องมีการรวบรวมข้อมูลจาก P2, P3, และ P4 เพื่อนำมาวางแผน P1
ระบุปัญหาของโซ่อุปทานในปัจจุบัน
Plan Supply Chain
- การไหลของงานเป็นแบบ make to order ทั้งสายมีเวลานำนาน
- การวางแผนจัดทำโดยสาขากรุงเทพฯ และขาดข้อมูลเชื่อมโยงกับสาขาขอนแก่น จึงไม่ได้มีการวางแผนร่วมกัน
- สาขาขอนแก่นดำเนินการตัดเย็บเท่านั้น เนื่องจากขาดอุตสาหกรรมสนับสนุนในพื้นที่ เช่น งานปัก รวมทั้งขาดอุปกรณ์ในการตรวจสอบ Finishing good เช่น การเย็บกระดุม (เพราะไม่มีเครื่องวัดแรงดึง) ซึ่งจะต้องมาดำเนินการเพิ่มเติมในสาขากรุงเทพ
Plan Source
- วัตถุดิบถูกส่งมาโดยสาขากรุงเทพฯ ด้วยการคำนวนจากแผนการผลิตซึ่งยังมีความคลาดเคลื่อน จึงทำให้เกิดงานที่ไม่จำเป็น เช่น การกรอแบ่งด้าย เพื่อเข้าสู่สายการผลิตหลายๆสาย
- ขาดงานสนับสนุนเช่นงานปัก ทำให้ในสินค้าที่ต้องมีการปัก ต้องทำการตัดและปัก จาก กทม. ลดโอกาสในการทำงานในพื้นที่ขอนแก่น
Plan Make
- การวางมาตรฐานการทำงานถูกกำหนดจากสาขากรุงเทพ ซึ่งสมมติฐานด้านแรงงานยังไม่ตรงกับทางสาขาขอนแก่น
- ทาง กทม. มีการวางแผนกระบวนการผลิต โดยไม่ได้มีการจัดสมดุลย์การผลิตที่มีประสิทธิภาพ
- การจัดเตรียมจักร ไม่ทันต่อการปรับเปลี่ยนความต้องการของแบบสินค้า
- การผลิตเกิดความไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากต้องตัดเย็บที่สาขาขอนแก่นแล้วส่งไป Finishing ที่สาขากรุงเทพฯ
- การผลิต 2 โรงงานทำให้เกิด WIP จำนวนมากในกระบวนการ เนื่องจากต้องรอการจัดส่งคราวละมากๆ
- ในกรณีงานด่วนต้องมีการส่งของโดยทางรถไฟเข้า กทม. ทุกวัน ซึ่งเพิ่มต้นทุนในการจัดส่ง
- การจัดผังโรงงาน มีการเคลื่อนย้าย ไม่เพิ่มมูลค่ามาก ระยะทางระหว่างแผนกไกล
- ในการตรวจรับป้ายต้องมีการนับซ้ำทำให้ทำงานซ้ำซ้อน
- ทางห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า ขาดอำนาจการต่อรองกับผู้ผลิตวัตถุดิบหลัก (ผ้า)
- ผู้ผลิตเสื้อผ้าส่งออกมีผู้จำหน่ายวัตถุดิบน้อยราย ทำให้เป็นคอขวดในการปรับปรุง
- หน่วยในการส่งวัตถุดิบของสาขากรุงเทพเป็นน้ำหนัก แต่การใช้นำมาจริงที่สาขาขอนแก่นเป็นความยาว ทำให้เกิดปัญหาปริมาณผ้าไม่พอ/เหลือ บ่อยครั้ง
แนวทางที่ควรจะเป็น (TO-BE Model) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
หลังจากที่เราได้ทำการวิเคราะห์กระบวนการในรูปแบบของ SCOR Model ในสภาวะปัจจุบันในระดับต่างๆ และได้ระบุปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแล้ว ดังนั้นขั้นตอนต่อไปจึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ได้ระบุขึ้น โดยแสดงเป็นรูปแบบกระบวนการโซ่อุปทานที่อ้างอิงแบบจำลองอ้างอิงกระบวนการ (SCOR Model) ในอนาคต
การกำหนดกระบวนการใน SCOR TO-BE Level 2
จากการวิเคราะห์ AS-IS Geographic Map จะเห็นได้ว่าการขนส่งวัตถุดิบมีหลายขั้นตอนมากเกินไป เนื่องจากวัตถุดิบต้องส่งไปตรวจสอบและคำนวณปริมาณการใช้วัตถุดิบของแต่ละสาขาย่อยที่สาขาใหญ่กรุงเทพฯ (ประชาอุทิศ) ก่อนส่งไปที่สาขาย่อยต่างๆ ทำให้เกิดระยะทางการขนส่งที่มากขึ้น เป็นผลให้เกิดต้นทุนการขนส่งที่สูง ดังนั้น ควรแก้ไขด้วยการให้ผู้ผลิตวัตถุดิบส่งวัตถุดิบไปที่โรงงานสาขาย่อยโดยตรง เพื่อลดขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุดิบและลดระยะทางการขนส่งด้วย โดยจะเป็นไปตาม TO-BE Geographic Map รูปที่ 15
สำหรับแผนภาพแสดง TO-BE Geographic Map จากรูปที่ 15 ซึ่งคือแผนการขนส่งในอนาคตของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) โดยสามารถอธิบายได้ว่า ผู้ผลิตวัตถุดิบประเภทผ้าทั้งหมดจะจัดส่งวัตถุดิบไปที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) โดยตรง แต่ผู้ผลิตวัตถุดิบอื่นๆ ยังจะส่งไปรวมที่โรงงานกรุงเทพฯ (ประชาอุทิศ) อยู่ แล้วโรงงานกรุงเทพฯ (ประชาอุทิศ) จึงจะกระจายวัตถุดิบไปให้โรงงานลูก รวมถึงโรงงานที่ขอนแก่นด้วย
และเมื่อผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปแล้วห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) ก็จะจัดส่งสินค้าไปที่บริษัทขนส่งสินค้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านโรงงานแม่อีกครั้ง จะเห็นว่าทั้งการส่งวัตถุดิบผ้าและการส่งสินค้าสำเร็จรูปจะไม่ไปตรวจสอบที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (ประชาอุทิศ) จะทำการตรวจสอบที่โรงงานลูกครั้งเดียวเพื่อลดขั้นตอนและระยะทางการขนส่งให้น้อยลง เป็นผลให้ลดต้นทุนการขนส่งลงได้
รูปที่ 15 TO-BE Geographic Map การจัดส่งวัตถุดิบของผู้ผลิตวัตถุดิบ
ไปห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น)
หมายเหตุ คือ การจัดส่งวัตถุดิบจากผู้ผลิตวัตถุดิบไปโรงงานลูก
คือ การจัดส่งวัตถุดิบจากโรงงานลูกไปบริษัทขนส่งสินค้า
SCOR Model Level 3
องค์ประกอบของกระบวนการประกอบด้วยส่วนประกอบต่างๆ ของกระบวนการย่อย ข้อมูลปัจจัยขาเข้า (Input) และปัจจัยขาออก (Output) ในแต่ละกระบวนการย่อย มีตัววัดสมรรถนะของกระบวนการ และเสนอวิธีการปฏิบัติงาน
รูปที่ 16 SCOR Model Level 3 P3
Plan Make
AS-IS SCOR Model Level 3 P3
Plan Make
รูปที่ 17 AS-IS SCOR Model Level 3 P3
Plan Make
สภาพปัญหา
- กำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
- การบริหารการผลิต ใช้การเพิ่มการทำงานล่วงเวลา เพื่อให้ผลิตได้ตามที่วางแผนรายสัปดาห์ไว้
- ขาดการประเมินกำลังการผลิตที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
- การวางแผนเครื่องจักรไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
- สมดุลสายการผลิตรายวัน รวมทั้ง จัดหา-ผลิต-จัดส่ง และความต้องการของลูกค้า
เครื่องมือที่ใช้ : Enterprise wide Planning system
TO-BE SCOR Model Level 3 P3
Plan Make
การแก้ปัญหา เนื่องจากการประมาณการกำลังการผลิต ทางขอนแก่นใช้การทดสอบการผลิตงานจริงเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนการผลิต ซึ่งมักจะได้ผลผลิตต่ำ เนื่องจากเป็นสายการผลิตที่มีจุดคอขวดจำนวนมาก การดำเนินการจัดสมดุลย์สายการผลิตก่อนดำเนินการประเมินกำลังการผลิตจึงมีผลกระทบต่อกำลังการผลิตจริงอย่างมาก จำเป็นต้องดำเนินการจัดสมดุลย์สายการผลิตก่อนประเมินกำลังการผลิตของโรงงาน และเป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาสู่ Enterprise wide planning system ต่อไป
ตัวชี้วัดในการดำเนินงาน
- Reliability (ความน่าเชื่อถือ) : การดำเนินการตามแผนการผลิต (%)
(Production Plan – Sum of Variance)/ Production Plan x 100%
เมื่อ
Production Plan = จำนวนชิ้นงานที่วางแผนการผลิตไว้
Sum of Variance = ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนชิ้นงานที่ผลิตจริงที่ต่างจาก Production Plan
- Flexibility(ความยืดหยุ่น) : ระยะเวลานำในการผลิตสินค้าใหม่ (วัน)
- Asset (สินทรัพพย์): จำนวนสินค้าคงคลัง (จำนวนวันของสินค้าคงคลัง)
TO-BE P3: Plan Make
รูปที่ 18 TO-BE SCOR Model Level 3 P3
Plan Make
โครงการพัฒนาระบบ
- พัฒนาระบบการคำนวณสมดุลย์สายการผลิต (ดำเนินการแล้ว)
- พัฒนาการวางผังโรงงาน (ดำเนินการแล้วเสร็จบางส่วน)
- พัฒนาระบบการวัดผลการดำเนินการ (ดำเนินการแล้วเสร็จบางส่วน)
การพัฒนาระบบการคำนวณสมดุลย์สายการผลิต (Line Balancing Development)
สำหรับการพัฒนาระบบการคำนวณสมดุลย์สายการผลิต ทางโรงงานได้จัดทำโปรแกรมการคำนวณสมดุลย์สายการผลิตขึ้นโดยพัฒนาจากโปรแกรม Microsoft Office Excel และเนื่องจากเวลามาตรฐานที่ทางโรงงานกรุงเทพฯ (ประชาอุทิศ) ได้จัดทำมาให้นั้น โดยส่วนใหญ่ใช้กับโรงงานที่ขอนแก่นไม่ได้ เนื่องจากการวัดเวลามาตรฐานของโรงงานแม่ที่จัดส่งให้โรงงานขอนแก่น เป็นการวัดเวลามาตรฐานจากในห้องปฏิบัติการ ไม่ใช่จากหน้างานจริงๆ อีกทั้งมีสถานีการผลิตที่ไม่เท่ากันด้วย ซึ่งถ้าโรงงานขอนแก่นจัดสมดุลย์สายการผลิตตามเวลามาตรฐานที่ทางโรงงานแม่ส่งมาให้นั้น จะทำมีปัญหาคอขวดเกิดขึ้นเพราะเวลามาตรฐานที่ให้มาคลาดเคลื่อนกับหน้างานจริงพอสมควร
ดังนั้นในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางโรงงานขอนแก่นจึงต้องคำนวณสมดุลย์สายการผลิตตามเวลามาตรฐานที่โรงงานแม่ให้มาก่อนโดยใช้โปรแกรมการคำนวณสมดุลย์สายการผลิตที่พัฒนาจากโปรแกรม Microsoft Office Excel ก่อน เมื่อพนักงานสามารถเรียนรู้ในการผลิตสินค้าตัวนั้นได้ดีแล้ว จึงจะเริ่มจับเวลามาตรฐานการผลิตที่หน้างานจริงใหม่และนำไปตรวจสอบกับเวลามาตรฐานที่ทางโรงงานแม่ให้มาว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ ถ้ามีความแตกต่างมากเกินไปก็ต้องจัดสมดุลย์สายการผลิตใหม่อีกครั้งโดยใช้โปรแกรมการคำนวณเดิม
สำหรับโปรแกรมการคำนวณสมดุลย์สายการผลิตที่พัฒนาจากโปรแกรม Microsoft Office Excel จะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกมีหน้าตาดังรูปที่ 19 ซึ่งเป็นการบันทึกเวลามาตรฐานของทั้งโรงงานแม่ (ประชาอุทิศ) และเวลามาตรฐานที่จับเวลาจริงหน้างานที่โรงงานสาขาขอนแก่น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วถ้ามีความแตกต่างกันมากก็ต้องคำนวณสมดุลย์สายการผลิตขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งการคำนวณนี้จะไปอยู่ในส่วนที่ 2 ดังรูปที่ 20 โดยเป็นการคำนวณสมดุลย์สายการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ซึ่งจะมีการแสดงสีในแต่ละสถานีสำหรับแสดงประสิทธิภาพของแต่ละสถานีในสายการผลิตให้ดูด้วย เพื่อใช้ในพิจารณาถึงการที่จะจัดพนักงานเข้าไปทำงานในสถานีนั้นๆ ว่าประสิทธิภาพของพนักงานที่จัดพนักงานเข้าไปทำงานในสถานีนั้นๆ ควรจะเป็นเท่าไหร่ โดยประสิทธิภาพของพนักงานจะใช้เครื่องมือ Skill Matrix ในการวัดประสิทธิภาพ ซึ่งมีข้อแนะนำว่า สถานีไหนที่ใช้เวลามากควรจัดพนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงเข้าไปเพื่อลดปัญหาคอขวด
รูปที่ 19 โปรแกรมการคำนวณสมดุลย์สายการผลิตส่วนที่ 1
รูปที่ 20 โปรแกรมการคำนวณสมดุลย์สายการผลิตส่วนที่ 2
การพัฒนาการวางผังโรงงาน
สำหรับการพัฒนาการวางผังโรงงานนั้น แต่เดิมโรงงานมีผังโรงงานที่มีการไหลของชิ้นงานที่ไม่ต่อเนื่อง มีทิศทางที่ย้อนกลับไปมา และมีระยะทางที่ไกลกันเกินไป ดังรูปที่ 21 ดังนั้นจึงต้องปรับปรุงการวางผังโรงงานใหม่ให้เกิดการไหลของชิ้นงานอย่างต่อเนื่อง มีทิศทางการไหลทางเดียวไม่มีการย้อนกลับ และให้มีระยะทางน้อยที่สุด โดยหลังจากการปรับปรุงแล้วได้ผังโรงงานดังรูปที่ 22
รูปที่ 21 การวางผังโรงงานแบบเดิม
หมายเหตุ คือ ทิศทางการไหลของชิ้นงาน
รูปที่ 22 การวางผังโรงงานแบบใหม่
หมายเหตุ คือ ทิศทางการไหลของชิ้นงาน
M2: การผลิตงานตามสั่ง (Make-to-Order)
รูปที่ 23 SCOR Model Level 3 M2: Make-to-Order
สถานปัจจุบัน ในการผลิตตามสั่ง (AS-IS: M2 Make to Order)
รูปที่ 24 AS-IS SCOR Model Level 3 M2: Make-to-Order
สภาพปัญหาในการดำเนินงาน
- ขาดข้อมูลย้อนกลับ (Feed Back) จากการดำเนินงานแต่ละแผนก
- การผลิตเป็นระบบดัน (Push) จากแผนกตัด โดยมีสินค้ารอผลิตจำนวนมาก
- เอกสารไม่เชื่อมประสานกัน ต้องมีการบันทึกใหม่ โอกาสในการผิดพลาดของข้อมูลสูง
- ไม่สามารถระบุสาเหตุของการดำเนินการล่าช้าได้ (เนื่องจาก WIP มีมาก)
การผลิตเพื่อคลังสินค้า (Best Practice M2: Make to Stock)
การพัฒนาความยืดหยุ่นขององค์กร ด้วยการแบ่งงานอย่างง่าย แรงงานบริหารด้วยตัวเอง (Self-Directed) องค์กรแบนราบ และการทำงานข้ามสายงาน (Cross Functional)
เครื่องมือที่ใช้ การวางระบบสนับสนุนการฝึกทักษะ เชื่อมโยงเข้าฐานข้อมูล ระบบผลตอบแทน และการสอนงาน
การกระจายกำลังการผลิตให้มีความสม่ำเสมอ (Production Level Loading)
เครื่องมือที่ใช้ การวางแผนกำลังการผลิต (Capacity Planning)
การจัดตารางการผลิตที่เหมาะสมด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า: (Schedule Optimizes)
เครื่องมือที่ใช้ เทคนิค Scheduling utilization optimization technique
การฝึกทักษะฝีมือข้ามสายงาน (Cross Training/Certification)
เครื่องมือที่ใช้ ระบบบริหารบุคลากรที่สนับสนุนการออกใบรับรองทักษะฝีมือ
ระบบการผลิตแบบดึง (Demand Pull Manufacturing)
เครื่องมือที่ใช้ ระบบการทำงานที่สนับสนุนการผลิตแบบดึง เช่น ระบบ Kanban เป็นต้น
ตัวชี้วัด M2: Make to Stock
Reliability ความน่าเชื่อถือ : Yield
Responsiveness การตอบสนอง : ระยะเวลาในการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ (Change over time)
: เวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้า (นาที)
Cost ต้นทุน : Value Added Productivity (มูลค่าเพิ่มในการผลิต/จำนวนพนักงาน)
: เงินเดือนเฉลี่ยขององค์กร
: ต้นทุนการดำเนินงานต่อชั่วโมง
: ต้นทุนต่อหน่วยสินค้า
: WIP (จำนวนวันของสินค้าคงคลัง)
สินทรัพย์ (Assets) : ร้อยละการใช้งานจากกำลังการผลิต (Capacity Utilization)
แนวทางที่ควรจะเป็น การผลิตตามสั่ง (TO-BE M2: Make to Order)
รูปที่ 25 TO-BE SCOR Model Level 3 M2: Make-to-Order
การพัฒนาระบบการผลิต จะมุ่งการวางระบบข้อมูลเชื่อมโยงระหว่างส่วนงานการผลิต และลดจำนวนสินค้าระหว่างผลิต และสร้างกลไกการผลิตแบบดึง โดยจำเป็นต้องมีระบบข้อมูลทักษะของพนักงานแต่ละคนเพื่อให้การประมาณการผลิตมีความเที่ยงตรงมากขึ้น และควรมีการฝึกทักษะพนักงานข้ามแผนก เนื่องจากบางแผนกมีกำลังคนเหลือ ใช้กำลังการผลิตน้อยกว่าที่ควร ทั้งๆที่มีคำสั่งซื้อให้เพิ่มกำลังการผลิตได้
โครงการในการพัฒนา
- จัดทำการพัฒนาทักษะ (Skill Matrix) (ดำเนินการแล้ว)
- สอบทักษะพนักงาน (อยู่ระหว่างพัฒนา)
- จัดทำระบบการฝึกงาน (อยู่ระหว่างพัฒนา)
- พัฒนาระบบข้อมูลการผลิตและ Visual Control (ดำเนินการแล้ว)
- ปรับปรุงการผลิตเป็นแบบดึง(ดำเนินการแล้ว)
- ฝึกทักษะหัวหน้างาน (ดำเนินการแล้ว)
ผลการดำเนินงานในการปรับปรุงระบบ
ผลการดำเนินงานในการพัฒนาระบบโซ่อุปทานที่ผ่านมา สามารถสรุปตามตัวชี้วัดได้ดังตารางที่ 8
ตารางที่ 8 ผลการดำเนินงานในการพัฒนาระบบโซ่อุปทาน
ตัวชี้วัด | ก่อนการปรับปรุง | หลังการปรับปรุง | วิธีคำนวณ |
สมรรถนะการจัดส่ง | 100% | 100% | จำนวนการส่งตรงเวลา ต่อจำนวนคำสั่งซื้อ (Order) ทั้งหมด |
ผลิตภาพการเพิ่มคุณค่า | 35% | 71% | มูลค่าการแปรรูป ต่อ ต้นทุนค่าแรงทางตรง (Direct labor) |
กำลังการผลิตเฉลี่ย(ต่อคน-ชม) | 0.88 | 2.12 | จำนวนชิ้นงาน ต่อ จำนวนคน-ชม (Man-hr) |
การวิเคราะห์ GAP analysis ระหว่าง AS-IS กับ TO-BE
การวิเคราะห์ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบโซ่อุปทานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยงสง่า (สาขาขอนแก่น) โดยเปรียบเทีบระหว่างระบบเดิมและระบบใหม่ รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา โดยได้แสดงดังตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 9 การวิเคราะห์ผลกระทบจากการพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน
ผลกระทบจากการพัฒนาระบบโซ่อุปทาน | ระบบเดิม (AS-IS) | ระบบใหม่ (TO-BE) | เครื่องมือที่ใช้พัฒนา |
การบริหารการขนส่ง |
|
|
|
การบริหารการขนส่ง |
|
|
|
การวางแผนการผลิต |
|
|
|
การบริหารการผลิต |
|
|
|
การบริหารการผลิต |
|
|
|
การบริหารการผลิต |
|
|
|
การบริหารการผลิต |
|
|
|
Followers
Blog Archive
About Me

- JARAS
- Education: M.Eng. Industrial Engineering. U. of Pittsburgh B. Industrial Engineering. Khon Kaen University MD. Union Plus Khon Kaen อาจารย์พิเศษ หลักสูตรการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ปรึกษาบจก.เอ็มดิก โฮลดิ้ง พนักงานขาย T.A.G. advanced energy จำหน่ายเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเตา